ไตวายเฉียบพลันกับไตวายเรื้อรังต่างกันอย่างไร

Last updated: 17 ม.ค. 2567  |  917 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไตวายเฉียบพลันกับไตวายเรื้อรังต่างกันอย่างไร


โรคไตจะมีด้วยกัน 5 ระยะ

 

ระยะที่ 1 มากกว่าหรือเท่ากับ 90%

ค่า eGFR มากกว่า 90% อยู่ในระดับปกติ

ระยะที่ 2 60-89% 

ค่า eGFR ช่วงระยะ 60-89% เริ่มประเมินและชะลอการเสื่อมของไต

ระยะที่ 3 30-59%

ค่า eGFR ช่วงระยะ 30-59% เพิ่มการดูแลภาวะแทรกซ้อนของไต และต้องระวังในเรื่องของโรคหัวใจที่จะเป็นภาวะแทรกซ้อน

ระยะที่ 4 น้อยกว่า 30% 

ค่า eGFR น้อยกว่า 30% ปรึกษาการทำบำบัดทดแทนไต การฟอกไตไม่ว่าจะฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม การฟอกไตทางหน้าท้อง หรือการปลูกถ่ายไต

ระยะที่ 5 น้อยกว่า 15% 

ค่า eGFR น้อยกว่า 15% แพทย์จะเริ่มบำบัดทดแทนไต ตามที่ได้ปรึกษากันแล้วก่อนหน้านี้

 


ไตวายเฉียบพลันกับไตวายเรื้อรังต่างกันอย่างไร

 

ไตวายเฉียบพลัน (เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ภายในไม่กี่วัน)

  • มีปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะเลย
  • อาจมีอาการบวมที่ขาและเท้า
  • อาจมีเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง อ่อนเพลีย
  • อาจมีอาการปวดหลังบริเวณชายโครง
  • อาจมีหายใจถี่เร็ว หากมีภาวะเลือดเป็นกรด หรือน้ำท่วมปอด

ไตวายเรื้อรัง (ภาวะที่ไตทำงานลดลงมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนขึ้นไป)

โดยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ไตจะไม่สามารถขับของเสียได้ผู้ป่วยมักเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายประการ

  • น้ำหนักลด
  • ปัสสาวะผิดปกติ
  • โลหิตจาง
  • ระบบประสาทผิดปกติ
  • ภาวะแทรกซ้อนตามมา

คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ


     ขอแนะนำผู้ที่เป็นโรคไตดังนี้คือ ไม่ทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารรสเค็มและงดการปรุงรสด้วยซอสต่าง ๆ ลดการทานขนมปัง เค้ก คุกกี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ผักสีเขียวเข้มต่าง ๆ กล้วย มันฝรั่ง มะเขือเทศ ฟอสฟอรัสสูงเช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ควรลดหรืองดยาสมุนไพร ยาแก้ปวด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อโรคไต ในขณะเดียวกันก็ควรทานอาหารเสริมที่มีประโยชน์กับไต หากปฏิบัติได้ดังนี้ก็จะเป็นวิธีการชะลอการเสื่อมของไตได้ดี ช่วยยืดเวลาการทำงานของไตให้ยาวออกไป


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้